ยุคนี้ใครยังไม่รู้จัก Google คืออ่อมมากกก! เพราะปัจจุบันเนี่ย Google ถือเป็นเครื่องมือการค้นหายอดนิยมและเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกเลยล่ะ นับว่าเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศมาไว้ในที่เดียว นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้งานและความสะดวกแล้ว Google ยังมีการอัปเดตอยู่เสมอ
เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าเราเข้าใจการทำงานของอัลกอรึทึมล่ะก็ รับรองว่าการทำเว็บไซต์จะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป แล้วเราจะทำยังไงให้ถูกใจ Search Engine กันนะ ขั้นแรกต้องทำความเข้าใจ Google Algorithm กันก่อน ถ้าพร้อมแล้วปูพรมแดงเดินตามน้องศรีไปขยี้อัลกอรึทึมให้แหลกกันเล้ยยย
Google Algorithm คืออะไร?
เพื่อน ๆ รู้มั้ยว่า การทำงานของเว็บไซต์ต่างมีระบบหลังบ้านที่เป็นเบื้องหลังของการทำงานและควบคุมความถูกต้องของโปรแกรม อย่าง Google Algorithm ก็คือ ระบบในการจัดการอันดับของเว็บไซต์ โดยมีปัจจัยในการกลั่นกรองและคัดเลือกเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคำหลัก (Keyword) ที่ผู้ใช้งานกรีดกรายนิ้วกดค้นหา
ซึ่งเว็บไซต์จะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็ว โดยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุดนะจ๊ะ เพื่อความคุ้มค่า Google ก็เลยอัปเดตแบบเต็มคาราเบล ด้วยการพัฒนาผลการค้นหาและรูปแบบการใช้งานให้มีความสะดวก รวดเร็ว รอบรู้ และเต็มไปด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพ
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของระบบล้วนส่งผลต่อผู้ที่ทำเว็บไซต์อย่างแน่นอน หนีไม่พ้นหรอก ซึ่งหลายร้อยปัจจัยและวิธีการทำงานที่หลากหลาย ยุคนี้ไม่ควรตกเทรนด์นะ หน้าที่ของเราคือต้องคอยติดตามข้อมูลการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทันข่าวสารและสามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้ปังเกินต้าน อะไรก็ต้านทานไม่อยู่
อัลกอรึทึมของ Google ทำงานอย่างไร?
น้องศรีขอกระซิบว่าความจริงแล้ว Google มีการอัปเดตอยู่เสมอ จึงไม่ได้มีบอกให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงยังไง และมีอะไรบ้าง อ่าว! แล้วแบบนี้ตัวแม่อย่างพวกเราจะรู้กันได้ยังไงล่ะ? ก็คนที่ทำเว็บไซต์และ SEO หลายคนเขาเชื่อกันว่ามีมากกว่า 200 ปัจจัยในการจัดอันดับผลการค้นหาและคุณภาพของเว็บไซต์นั้น ๆ เลยทีเดียว
ด้วยอัลกอรึทึมที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ปัจจัยเหล่านั้นเลยไม่ได้เป็นที่สำคัญสักเท่าไหร่ ไม่จำเป็นที่ต้องจดจำทุกปัจจัยก็ได้นะ ขนาด Google เองก็ออกมาเผยแพร่ว่ามีการอัปเดตอัลกอรึทึมเฉลี่ย 6 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า 2000 ครั้งต่อปี อัปเดตขนาดนี้ น้องศรียังจำไม่ไหวเลยแม่!
ปัจจัยในการจัดอันดับของ Google Algorithm
รู้หรือไม่? Google มีเกณฑ์ในการจัดอันดับของเว็บไซต์มากถึง 200 ปัจจัย โดยจะมีการอัปเดตและการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้น้องศรีเลยรวบรวมปัจจัยที่สำคัญเอาไว้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมาไว้ที่บทความนี้แล้ว มาดูกันว่าอัลกอรึทึมของ Google จะมีเกณฑ์อะไรในการจัดอันดับกันบ้าง ปูพรมแดงรอบสองตามรอยน้องศรีมาเลยจ้า
1. Backlink
Google ใช้ Backlink เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตรวจสอบคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ Ahref ได้ทำการสำรวจสอดส่องตาแมวไว้แล้วว่า ยิ่งเว็บไซต์มี Backlink มากเท่าไหร่ ผู้ชมหรือ Traffic ของเว็บไซต์ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น รอช้าอยู่ใย ไปหา Backlink มาเติมด่วนนน
แต่ Backlink ที่ดีจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราด้วยนะ และต้องมาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือด้วยละ ถ้าเป็นเนื้อหาบทความเกี่ยวกับการทำ SEO แล้วนำ Backlink มาใส่ จำเป็นต้องมาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นำเสนอ ตัวอย่างเช่น Contentshifu.com ทั้งนี้ในส่วนของบทความที่ลิงก์มาและตัวเว็บไซต์ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ห้ามโป๊ะเอาลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเด็ดขาด!
2. Fresh Content
การจะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงเสียดฟ้า ส่วนของเนื้อหาจะต้องมีความสดใหม่ยิ่งกว่าปลาในตลาดสด สดใหม่ในที่นี้หมายถึง การเขียนเนื้อหาขึ้นมาใหม่ ไม่ซ้ำใคร ไม่คัดลอกมาจากแหล่งข้อมูลอื่น จงมีจุดยืนเป็นของตัวเอง!
แม้ว่าบทความนั้นจะผ่านไปนานแสนนานเท่าไหร่ แต่การเข้าไปเปลี่ยนแปลงและอัปเดตเนื้อหาให้มีความทันสมัย ปรับปรุงคอนเทนต์ให้มีประโยชน์จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับได้ดีมากขึ้น เชื่อน้องศรีได้ดีทุกคนจ้า
กรณีที่คอนเทนต์ของเราเป็นแบบ Evergreen Content ไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลบ่อย ๆ เพราะ Evergreen Content เป็นคอนเทนต์ที่แฝงความรู้แบบตายตัว แม่นยำ และยาวนาน ตำนานก็คือตำนาน อยู่ยงคงกระพัน ไม่ได้เป็นกระแสเพียงช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่มีผลการค้นหาเรื่อย ๆ และดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานได้เสมอ สปอร์ตไลท์ส่องขนาดนี้ มงไม่ลงจะงงมาก!
3. Keyword density
จำนวนคีย์เวิร์ดในเนื้อหาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการทำเว็บไซต์ ต้องมีคีย์เวิร์ดสำคัญในเนื้อหาบทความไม่น้อยกว่า 2% ของบทความ เพื่อให้ Google รับรู้ว่าเรากำลังนำเสนอเรื่องอะไร หันมามองฉันสิ ฉันมันเริ่ด! และควรกระจายคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม ไม่ควรเกิน 4% ของเนื้อหา ไม่งั้นมันจะไม่มองเราว่าเป็นตัวแม่แห่งวงการอัลกอรึทึม แต่อาจมองว่าเราเป็นตัวสแปมได้นะ….
น้องศรีขอชี้เป้าบอกโปรแกรมที่สามารถนับค่า Keyword Density ชื่อว่า SEO Quake เป็น Addon Extension บนเว็บเบราว์เซอร์ นอกจากนี้ยังสามารถบอกรายละเอียดของ Title, Meta tag , PageRank ,Backlink จำนวน Index ,whois และเปรียบเทียบรายละเอียดค่า SEO parameter ของแต่ละโดเมนได้อีกด้วย อะไรจะเจ๋งปานนี้คะพี่!
4. User experience
Google ให้ความสำคัญกับการได้รับประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยประสบการณ์ดี ๆ ที่ลงตัวจะต้องได้รับจากเนื้อหาและองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ของเรา เช่น ความเร็วในการดาวน์โหลด, Meta Tag, Meta Description, Mobile Friendly, Internal Link, External Link เป็นต้น
โดยเฉพาะเรื่องความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์ ถ้าจะเข้าหน้าเว็บไซต์หรือข้อมูลต่าง ๆ ไม่ควรดาวน์โหลดนานเกิน 3 วินาทีนะ ขอเร็วแบบด่วนจี๋เลยพี่จ๋า เนื่องจากความรวดเร็วเป็นหนึ่งในปัจจัยที่วัดคุณภาพของเว็บไซต์ และตอบโจทย์ในการรับรู้ข่าวสารของผู้ใช้งาน ช้า ๆ ไม่ เร็ว ๆ ชอบ
5. Authority
Authority ในที่นี้หมายถึงการเป็นเหมือนศูนย์กลางข้อมูลที่เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาครบถ้วนและแม่นยำ รวบรวมข้อมูลมาให้ผู้ใช้งานไว้ในเว็บไซต์เดียว โดย Authority จะบ่งชี้ถึงความสำคัญและความเป็นที่นิยมในเรื่องนั้น ซึ่งการมีค่า Authority สูง ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ รับรองว่าถ้า Google เห็นเป็นต้องว้าว
Google มีแหล่งข้อมูลที่มุ่งสร้างเนื้อหาโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก รวมถึงคำถามเหล่านี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้ประเมินเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพมากพอหรือไม่ มาดูกันว่ามีคำถามอะไรบ้างที่จะวัดความมีประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณกันนะ?
- เนื้อหาให้ข้อมูลต้นฉบับ การรายงาน การวิจัย หรือการวิเคราะห์หรือไม่?
- เนื้อหามีสาระสำคัญครบถ้วน หรือครอบคลุมหัวข้อหรือไม่?
- หลีกเลี่ยงหัวข้อเนื้อหาที่เกินความเป็นจริงหรือผิดแปลกจากธรรมชาติหรือไม่?
- หน้าเว็บไซต์ของคุณ เห็นแล้วอยากบุ๊กมาร์กไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนหรือไม่?
- เนื้อหาเว็บไซต์มีคุณภาพมากพอเมื่อเทียบกับเว็บอื่น ๆ ในผลการค้นหาหรือไม่?
อัลกอรึทึมของ Google อัปเดตอะไรบ้าง?
Google Algorithm มีการอัปเดตตลอดเวลา แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ก็จะไม่มีการแจ้งเตือนให้รู้ถึงการอัปเดตนั้นเลย จนกว่าจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยการเปลี่ยนแปลงของอัลกอรึทึมที่อัปเดต มีตามนี้เลยจ้ะพี่ ๆ
Google Algorithm | คำอธิบาย |
---|---|
Panda | ใช้งานครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2011 หน้าที่ : มือปราบเว็บไซต์คุณภาพต่ำ นักก๊อปต้องโดนเด้ง! |
Panguin | ใช้งานครั้งแรก : เมษายน 2012 หน้าที่ : จับโป๊ะคุณภาพ Backlink ดีไม่ดีพี่เช็คเอง |
Pirate | ใช้งานครั้งแรก : สิงหาคม 2012 หน้าที่ : จับตาดูเว็บไซต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เตรียมขิตได้เลย |
Hummingbird | ใช้งานครั้งแรก : สิงหาคม 2013 หน้าที่ : คาดเดาคีย์เวิร์ดล่วงหน้าตามประสาหมอดูตัวแม่ |
Pigeon | ใช้งานครั้งแรก : กรกฎาคม 2014 หน้าที่ : จัดอันดับการค้นหาที่ปังที่สุดตาม Location |
Mobile Friendly Update | ใช้งานครั้งแรก : เมษายน 2015 หน้าที่ : เพิ่มอันดับเว็บไซต์ที่ Responsive และปัดตกอันดับเว็บไซต์ที่ไม่ Responsive |
Rankbrian | ใช้งานครั้งแรก : ตุลาคม 2015 หน้าที่ : คัดกรองผลลัพธ์ให้ตรงใจ เอาใจผู้ใช้งาน |
Possum | ใช้งานครั้งแรก : กันยายน 2016 หน้าที่ : คัดกรองและแสดงผลการค้นหาพื้นที่ใกล้ ใช่แถมชัวร์ |
Fred | ใช้งานครั้งแรก : มีนาคม 2017 หน้าที่ : ตรวจสอบและลดอันดับเว็บไซต์ที่ไร้คุณภาพ หรือสแปม Ads |
ซึ่งรายละเอียดต่อจากนี้ของอัลกอรึทึมเป็นข้อมูลที่จะช่วยในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับได้ดีขึ้น
1. Panda
ขี่ Panda มาปราบเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำกันจ้า ลดอันดับเว็บไซต์ที่ไม่มีประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน และคัดลอกเนื้อหามาจากแหล่งข้อมูลอื่น เนื้อหาไม่มีความสดใหม่ โดยมีหน้าที่ในการตรวจสอบเนื้อหาและสแปมคีย์เวิร์ด ถ้าเนื้อหาเป็น Fresh Content ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน มีคุณภาพมากพอ เว็บไซต์ของเราก็จะถูกดันขึ้นไปเป็นอันดับต้น ๆ ของ Google แน่นอนนน
2. Panguin
Google สร้าง Panguin เพื่อตรวจสอบคุณภาพ Backlink หรือการเชื่อมโยงลิงก์บนเว็บไซต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการทำ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำใน SEO สายเทากันเป็นจำนวนมาก เพื่อไต่อันดับให้สูงขึ้น เป็นผลให้ Google สร้าง Panguin ขึ้นมาเพื่อกำจัดแบบถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก! และคงความมีคุณภาพให้มากขึ้นนั่นเอง
3. Pirate
เรื่องลิขสิทธิ์เรื่องใหญ่ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด Google จึงมีการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งในส่วนของคอนเทนต์ เนื้อหา รูปภาพ หรือวิดีโอ สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดอัลกอริทึมนี้ขึ้นมาก็เพื่อสวมเกราะป้องกันเป็นโจรสลัดขี่ม้าขาวพร้อมแก้ปัญหาของการละเมิดลิขสิทธิ์ในยุคดิจิทัล
โดยลดการแสดงข้อมูลของเว็บไซต์นั้นลงถึง 98% แล้วแกจะแรงเพื่อ!!! ส่งผลถึงการลดอันดับของเว็บไซต์แบบเต็มคาราเบล ถ้าเว็บไซต์นั้นมีการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น รับรองขิตแน่ค่ะพี่ ๆ
4. Hummingbird
อัลกอริทึมของ Hummingbird มีความพิเศษแบบเจ๋งแจ๋วอย่างหนึ่งคือ เป็นหมอดูที่สามารถคาดเดาคีย์เวิร์ดล่วงหน้าของผู้ใช้งานในการค้นหาข้อมูลได้ ทำให้สะดวกต่อคนที่ทำเว็บไซต์ หรือ SEO เป็นแนวทางในการหาคีย์เวิร์ด และง่ายต่อการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับมากขึ้น ไม่ต้องเป็นสายมูก็เป็นหมอดูได้เหมือนกันนะเนี่ย
5. Pigeon
Pigeon ถูกสร้างขึ้นมาให้ทำหน้าที่จัดอันดับผลการค้นหาตามพื้นที่ของผู้ใช้งาน โดยอิงตามเกณฑ์การจัดอันดับเว็บไซต์ของ SEO แสดงผลจากการค้นหาในพื้นที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่เราอาศัยอยู่ เช่น ต้องการไปช็อปปิ้งเก๋ ๆ ฟิน ๆ ตามประสาตัวแม่ ผลการค้นหาก็จะขึ้นห้างสรรพสินค้าที่ใกล้เคียงผู้ใช้งานขึ้นมา ช่วยให้เว็บไซต์ที่ทำ Locol SEO ได้รับการแสดงผลมากขึ้นประมาณ 50% ชี้ทางปังเวอร์
6. Mobile Friendly Update
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนเป็นที่นิยมในการใช้งานอย่างมาก ขนาดน้องศรียังมีมือถือเก๋ ๆ ตามประสาตัวแม่เลยอะ เพราะพกพาสะดวก แถมยังสามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ครบจบในเครื่องเดียว Google ก็เลยเล็งเห็นถึงการค้นหาข้อมูลบนสมาร์ทโฟน โดยเพิ่มอัลกอริทึมที่แสดงผลเว็บไซต์ได้ดีบนมือถือ หรือที่เรียกว่า Mobile Responsive ขึ้นมานั่นเอง
ซึ่งทำให้เว็บไซต์ที่มี Responsive มีอันดับสูงขึ้น และเว็บไซต์ที่ไม่มีก็จะลดอันดับลงมา รู้แบบนี้เตรียมอัปเกรดความปังในเว็บไซต์ตัวเองด่วนจ้า
7. Rankbrian
Rankbrian เป็นระบบ AI ที่ช่วยเรื่องการค้นหาความหมายของคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานค้นหา คัดกรองเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีประโยชน์และตรงตามความต้องการมากที่สุด โดยจะสอดส่องว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน และนำไปแสดงผล เนื่องด้วยเป็น Machine Learning อัลกอริทึมจึงสามารถพัฒนาและปรับปรุงการคัดกรองตลอดเวลา ไม่หลับไม่นอน ไม่พักผ่อนกันไปเลยแม่
8. Possum
อัลกอริทึมตัวนี้สร้างขึ้นเพื่อจัดเรียง คัดกรอง และแสดงข้อมูลในพื้นที่บริเวณของผู้ใช้งานที่ทำการค้นหา เช่น ถ้าน้องศรีค้นหาว่า “ร้านเสื้อผ้าตามประสาตัวแม่” Google ก็จะดึงข้อมูลมาจาก Google My Business ว่ามีร้านไหนที่อยู่ใกล้เคียง และมีเสื้อผ้าที่แฝงความเป็นตัวแม่เหมาะกับสาวมั่นสไตล์น้องศรีบ้างนั่นเอง
9. Fred
Fred เป็นอัลกอริทึมที่มีหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานของเว็บไซต์ทั้งหมด ถ้าเว็บแกไม่เริ่ด ไม่มีทางได้เกิดแน่นอนโดยเฉพาะในเรื่องของคอนเทนต์ที่คุณภาพต่ำ เว็บไซต์ที่แสดง Ads หรือมี Affiliate Link เยอะเกินความจำเป็น ถ้ามากเกินไปก็จะไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน และจะโดน Fred คุมกำเนิดอันดับของเว็บไซต์ทันที
เราจึงต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ และให้ความรู้แก่ผู้ใช้งานแบบไม่มีลิมิต รับรองว่าได้เกิด ใครก็คุมกำเนิดฉันไม่ได้หรอก!
น้องศรีขอบอกว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2023 Google ได้เผยแพร่การอัปเดตหลักครั้งแรกของปี โดยระยะเวลาการเปิดตัวอาจใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งจะกำหนดเป้าหมายของประเภทเนื้อหาทั้งหมดในทุกภูมิภาคและทุกภาษา เพื่อส่งเสริมและให้คะแนนกับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพหรือมูลค่าของเว็บไซต์สูง
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ระบบของเราจะประเมินเนื้อหาโดยรวม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้บางหน้าของเว็บไซต์ที่เคยให้คะแนนต่ำสามารถแสดงผลการค้นหาได้ดีขึ้น”
การอัปเดตของ Google Algorithm ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?
การอัปเดตของ Google ใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากจะต้องรวบรวมข้อมูล จัดทำดัชนีและประเมินหน้าเว็บใหม่ แล้วแบบนี้จะส่งผลกระทบยังไงบ้างนะ? แน่นอนว่าการอัปเดตล่าสุดของ Google ส่งผลกระทบต่อนักการตลาดโดยตรง SEO บางคนได้รับผลกระทบในการอัปเดตที่แตกต่างกัน
การเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งยอดการเข้าชมลดลง อันดับของคีย์เวิร์ดหลักลดลง บางเว็บไซต์มีปริมาณการเข้าชมเพิ่มขึ้น จึงการันตีไม่ได้ว่าการอัปเดตในครั้งนี้จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อนักการตลาด เพราะมีความผันผวนและไม่แน่นอนนั่นเอง หน้าที่ของเราจึงต้องศึกษาและติดตามข่าวสารเพื่อค้นหากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป มาทำให้สุด แล้วหยุดที่ครองอันดับสูง ๆ กันเถอะ!
แนะนำเว็บไซต์ติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google
น้องศรีขอแนะนำเว็บไซต์ที่เป็นเครื่องมือการติดตามอัลกอริทึมของ Google ที่ชื่อว่า Algoroo โดยระบบของเว็บไซต์จะตรวจสอบ Keyword ที่เราเลือกและความผันผวน ซึ่งสามารถดูได้ว่ามีผลกระทบอะไรต่อหน้า SERP หรือหน้าการค้นหาบ้าง ถ้ามีผลกระทบมากกราฟจะเป็นแท่งสีแดง ถ้ามีผลกระทบปานกลางกราฟจะเป็นสีเหลือง และถ้ามีผลกระทบน้อยหรือไม่มีเลย กราฟก็จะเป็นสีเขียว หน้าตาของเว็บไซต์ตามรูปด้านล่างนี้เลย
สรุป
นอกเหนือจากการรู้เท่าทันข่าวสารของ Google Algorithm เพื่อนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ทางดิจิทัล สิ่งสำคัญที่สุดที่น้องศรีอยากจะบอกคือการผลิตเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้จะต้องตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในด้านของเนื้อหา ความรวดเร็วในการดาวน์โหลด สะดวกต่อการใช้งาน และหน้าเว็บไซต์เน้นอ่านง่าย ดีไซน์สวยสับฉบับมิสแกรนด์ ทั้งนี้ถ้าเพื่อน ๆ คำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดที่ผู้ใช้งานควรจะได้รับ ก็จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหาได้แบบเป๊ะไม่กลัวโป๊ะ การเป็นเว็บไซต์ดี ๆ ที่ลงตัวไม่ไกลฝีมือเราแน่นอน